เครื่องตัดไฟที่ใช้ ป้องกันได้ 100% จริงหรือ?
เครื่องตัดไฟที่ใช้
ป้องกันได้ 100% จริงหรือ?
โดย...ธวัชชัย บุญรอด
เครื่องตัดไฟ หรือ
เครื่องป้องกันไฟดูด-ไฟรั่ว หลายคนรู้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีติดบ้านไว้ แต่...ก็ยังมีหลายคนที่ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันมากนัก
หรือบางคนก็รู้และเข้าใจในเครื่องตัดไฟแบบผิดๆมาโดยตลอด
ผู้เขียนเลยขอหยิบยกเรื่องเครื่องตัดไฟ
มาเขียนเป็นบนความในเรื่องของเครื่องตัดไฟหรือเครื่องป้องกันไฟดูด
ซึ่งเป็นที่พึ่งและเป็นทางเลือกของหลายๆท่าน
ที่ต้องการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง
เพื่อให้ท่านผู้อ่านที่ยังไม่รู้เกี่ยวกับเครื่องตัดไฟ
ได้ทราบเบื้องต้นเกี่ยวกับเครื่องตัดไฟที่ใช้กันอยู่ในบ้านเรื่องทั่วไป
เพื่อให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัย
รู้จักขอบเขตการป้องกันของเครื่องตัดไฟ ที่สามารถป้องกันกรณีใดได้บ้าง และ
ไม่ป้องกันในกรณีใดบ้าง
ในปัจจุบัน...ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่ป้องกันอันตรายจากไฟดูด-ไฟรั่ว
ที่วางขายกันในท้องตลาดมีให้เลือกมากมายหลายแบบ หลายยี่ห้อ หลายราคา
แต่ถ้าพูดถึงเครื่องตัดไฟรูปทรงใหญ่ๆ
ที่มีลูกบิดหมุดปรับค่าความไว (Sensitive) หลายๆคนก็จะนึกออกทันทีว่าเป็นเครื่องตัดไฟแบบดั้งเดิม
ที่มีชื่อคุ้นหู และอยู่คู่คนไทยมานานหลายสิบปี
นอกจากเครื่องตัดไฟรั่วแล้ว
ยังมีอุปกรณ์ป้องกันไฟดูด-ไฟรั่ว แบบอื่นๆ
ที่เข้ามาในท้องตลาดเพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้ได้เลือกซื้อกัน
หลักๆก็จะมีอยู่
2 ประเภท
แบ่งตามขีดความสามารถในการป้องกัน และพิกัดการใช้งาน
ประเภทที่ 1 RCBO (นิยมเรียกว่า "ลูกย่อยกันดูด หรือ เมนกันดูด")
เป็นอุปกรณ์ที่มีความสามารถเทียบเท่าเครื่องตัดไฟแบบดั้งเดิม
คือสามารถป้องกันไฟดูด-ไฟรั่ว ไฟเกิน และไฟฟ้าลัดวงจรได้ โดยส่วนใหญ่แล้ว RCBO จะถูกผลิตออกมาเพื่อใช้ติดตั้งภายในร่วมกับตู้
Consumer Unit , Load Center หรือ
ติดตั้งบนรางและอุปกรณ์อื่นๆตามความเหมาะสม
มีให้เลือกทั้งแบบ ลูกย่อยกันดูด ซึ่งใช้สำหรับควบคุมในส่วนของวงจรย่อย และ
เมนกันดูด ใช้สำหรับเป็นเมนเบรกเกอร์เพื่อควบคุมวงจรย่อยที่อยู่ในตู้เดียวกัน
เมนกันดูดหลายยี่ห้อ มีการออกแบบให้มีค่าทนกระแสลัดวงจร (IC) ที่สูงขึ้น เพื่อสามารถใช้เป็นเมนประธานของระบบไฟได้โดยตรง
ประเภทที่ 2 ELB / ELCB (นิยมเรียกว่า "กันดูด") เป็นเบรกเกอร์ป้องกันไฟดูด-ไฟรั่ว
อีกชนิดหนึ่ง ตัวเบรกเกอร์ ELB / ELCB จะอยู่ในตระกูลเดียวกันกับ
Safety Breaker มีลักษณะใกล้เคียงกันมาก
แต่มีจุดที่แตกต่างตรงที่ ELB/ELCB จะมีปุ่มสำหรับกด Test
อยู่ตรงกลาง
ความสามารถของ ELB / ELCB คือสามารถป้องกันไฟดูด-ไฟรั่ว
และไฟฟ้าลัดวงจร
แต่จะไม่สามารถปลดวงจรแบบอัตโนมัติได้ในกรณีที่ใช้กระแสไฟฟ้าเกินพิกัด Over
Load การที่ ELB / ELCB มีกระแสไหลผ่านเกินพิกัดที่
ELB / ELCB จะรับไหวเป็นเวลานาน อาจทำให้ ELB / ELCB ได้รับความเสียหาย
จึงจำเป็นต้องใช้ร่วมกับฟิวส์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์แบบธรรมดาเพื่อป้องกันการใช้กระแสเกินพิกัด
ELB / ELCB จะเหมาะกับการนำไปใช้ควบคุมเฉพาะตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความเสี่ยง
เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น ,เครื่องซักผ้า เป็นต้น
ยังคงมีบางคนที่อาจจะยังเข้าใจผิด...ในเรื่องขนาดของปริมาณการตรวจจับกระแสไฟรั่ว
คนส่วนหนึ่งยังคงมีความเชื่อว่าขนาดค่าตรวจจับกระแสไฟรั่ว หรือค่าความไว(Sensitive) 30 mA.เป็นค่าที่มากเกินไป จนเป็นอันตราย แต่ในความเป็นจริงแล้ว
ขนาดของค่าตรวจจับกระแสไฟรั่ว 30 mA.ไม่ได้เป็นค่าที่มากไป
จัดเป็นค่ามาตรฐานที่เหมาะสมในการใช้ป้องกันอันตรายในสภาวะการใช้งานแบบทั่วไป
ซึ่งค่าที่ระดับ 30mA. เป็นค่าที่มีความเสถียรต่อสภาพแวดล้อมสูง
แต่ก็ยังอยู่ในระดับการป้องกันอันตรายที่ปลอดภัยอยู่ ค่าที่ระดับนี้จะไม่มีความไว(Sensitive)มากเกินไปในการใช้งาน เนื่องจากบ้านเรา(ประเทศไทย)อากาศร้อนชื้น
ในช่วงที่ฝนตกชุก ความชื้นในอากาศจะมาก
เป็นผลให้เครื่องตัดไฟที่มีค่าตรวจจับไฟรั่วต่ำๆ เช่น 5 หรือ10 mA.มีโอกาสสูงที่จะทริปตัดวงจรออกโดยไม่มีสาเหตุอยู่บ่อยๆ(ไม่มีใครโดนไฟดูดแต่เครื่องก็ตัดเอง) แต่ถ้าเป็นระดับค่าตรวจจับกระแสไฟรั่วที่ 30
mA.แทบจะไม่เกิดปัญหาในเรื่องทริปตัดวงจรเองเมื่ออากาศชื้น
ขนาดค่าตรวจจับกระแสไฟรั่ว 30 mA.ยังได้รับการรับรองและยอมรับในฝั่งอเมริกาและยุโรป
สรุป...ค่าความไว(Sensitive)ที่ใช้เพื่อป้องกันมนุษย์ได้รับอันตรายจากการถูกไฟดูด
ในระดับที่ปลอดภัยจะอยู่ที่ไม่เกิน 30 mA.เวลาในการทริปปลดวงจร
ตามมาตรฐานกำหนดให้ต้องไม่เกินกว่า 0.04 วินาที
ในส่วนเครื่องตัดไฟอีกประเภท
ที่ป้องกันไฟรั่วลงดิน สำหรับป้องกันอุปกรณ์ จะมีค่าตรวจจับกระแสไฟรั่วมาก
อยู่ที่ประมาณ 100
mA. , 200 mA. , 300 mA. และ500 mA.จึงไม่สมควรที่จะนำมาใช้ในการป้องกันอันตรายจากไฟดูดที่จะเกิดกับคน
เครื่องประเภทนี้เหมาะที่จะใช้ป้องกันการรั่วลงดินอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อลดการสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์และป้องกันความเสียหายของอุปกรณ์ไฟฟ้าหรืออัคคีภัย
หรือนำมาใช้ในกรณีที่ต้องการให้เครื่องตัดไฟรั่วสามารถป้องกันทุกวงจรที่เมนสวิตช์
โดยจะใช้ได้เฉพาะระบบไฟฟ้าที่มีสายดิน เป็นมาตรการเสริมป้องกันอัคคีภัย
และไฟฟ้าดูด ให้ใช้ขนาดตั้งแต่ 100mA เป็นต้นไป
โดยอาจจะเลือกใช้เป็นขนาด 100 mA , 300 mAหรือ 500 mAทั้งนี้
ขึ้นอยู่กับปริมาณของกระแสไฟรั่วตามธรรมชาติ
ซึ่งการเลือกใช้จะต้องพิจารณาไปเป็นกรณีเฉพาะ
หลักการทำงานเบื้องต้นของเครื่องตัดไฟ
หลายคนอาจสงสัย
ในหลักการทำงานของเครื่องตัดไฟ...มันรู้ได้อย่างไรว่ามีไฟรั่วลงดินหรือมีคนโดนไฟดูด
?
การที่เครื่องตัดไฟสามารถรู้ได้ว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วลงดินหรือมีคนโดนไฟดูดนั้น ระบบภายในไม่ได้มีความอัจฉริยะล้ำยุคแต่อย่างใด มีหลักการทำงานเบื้องต้นที่ง่ายๆไม่ซับซ้อน เครื่องตัดไฟมีหน้าที่หลักๆ คือ เปรียบเทียบกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านสาย Line กับสาย Neutral เงื่อนไขข้องมันคือ กระแสไฟฟ้าที่ไหลออกไปเท่าไหร่ ก็จะต้องไหลกลับมาเท่านั้น ภายในเครื่องตัดไฟ จะมีขดลวด Search Coil ซึ่งเป็นตัวที่ทำหน้าที่ตรวจวัดปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลออกไป และกลับเข้ามา สาย Line กับสาย Neutral จะถูกสอดผ่านเข้าไปในวงขดลวด Search Coil
ในสภาวะปกติ...กระแสไฟฟ้าที่ไหลออกไปเมื่อผ่านโหลดเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้ว
ก็จะไหลกลับเข้ามาในปริมาณที่เท่ากัน สาย Line กับสาย Neutral จะมีกระแสไหลออกไปและกลับมาเท่ากัน เมื่อสาย Line กับสาย
Neutral มีกระแสไหลออกไปและกลับมาเท่ากัน
ก็จะเกิดการหักล้างของเส้นแรงแม่เหล็กจนหมดสิ้น ทำให้ขดลวด Search Coil ในเครื่องตัดไฟตรวจไม่พบความผิดปกติ
กรณีนี้
ถ้าใครที่เคยใช้แคลมป์มิเตอร์คล้องสายไฟเพื่อวัดกระแสไฟฟ้า...ก็คงจะนึกออก
ถ้าคล้องแคลมป์มิเตอร์ควบระหว่างสาย Line กับสาย Neutral พร้อมกัน แม้จะเป็นขณะที่มีโหลด แต่หน้าปัทม์มิเตอร์จะไม่แสดงค่าใดๆ
ขึ้นมา เนื่องจากเส้นแรงแม่เหล็กหักล้างกันระหว่างสาย Line กับสาย
Neutral แต่ถ้าคลองมิเตอร์กับสายไฟเส้นใดเส้นหนึ่ง(ขณะมีโหลด)
จะทำให้เกิดการเหนี่ยวนำของเส้นแรงแม่เหล็ก จนเกิดเป็นสัญญาณไฟฟ้าขึ้นมา
หน้าปัทม์มิเตอร์ก็จะแสดงค่ากระแสไฟฟ้าขึ้นมาให้เห็น
เมื่อเกิดกรณีไฟรั่วลงดิน
หรือไฟดูดคน จะมีกระแสไฟฟ้าบางส่วนหายออกไปจากระบบ
ทำให้กระแสไฟฟ้าที่ไหลกลับเข้าไปไม่เท่ากับตอนที่ออกมา
ผลต่างของกระแสไฟฟ้าระหว่างสาย Line กับสาย Neutral ที่ไหลไม่เท่ากัน
เส้นแรงแม่เหล็กที่หักล้างกันไม่หมดก็จะเกิดการเหนี่ยวนำขึ้นที่ขดลวด Search
Coil หากปริมาณกระแสไฟฟ้าที่รั่วออกไปจากระบบ มีถึงระดับที่กำหนด
สัญญาณไฟฟ้าที่เกิดจากการเหนี่ยวนำในขดลวด Search Coil จะเดินทางเข้าสู่ส่วนที่ทำหน้าที่ขยายสัญญาณ
เพื่อเข้าไปสั่งการขดลวด Trip Coil เมื่อขดลวด Trip
Coil ได้รับสัญญาณที่เพียงพอ ก็จะเกิดอำนาจแม่เหล็ก
ส่งผลให้กลไกลภายใน ทริปตัวเมนเบรกเกอร์เพื่อตัดวงจรไฟฟ้า
ส่วนประกอบอื่นๆของเครื่องตัดไฟ
ปุ่มทดสอบ Test เป็นปุ่มที่ใช้กดเพื่อจำลองเหตุการณ์ไฟรั่ว
เมื่อกดปุ่มดังกล่าวจะเป็นการต่อวงจรไฟฟ้าให้กับวงจรทดสอบ
ซึ่งมีโหลดในวงจรทดสอบเป็นตัวต้านทาน
โดยวงจรทดสอบจะต่อด้านหนึ่งเข้ากับขั้วหนึ่งตรงด้านที่ออกมาจากขดลวด Search
Coil แล้วสายอีกฝั่งของวงจรทดสอบก็จะต่อเข้ากับอีกขั้วตรงด้านที่จะเข้าขดลวด
Search Coil
เมื่อกดปุ่มทดสอบ Test จึงเหมือนเป็นการจำลองสถานการณ์ที่มีไฟรั่วออกจากระบบ เพราะกระแสที่ไหลผ่านขดลวด Search Coil มีค่าไม่เท่ากัน
สวิทช์ปรับค่าความไว(Sensitive) เป็นสวิทช์ที่มีเฉพาะในเครื่องตัดไฟแบบดั้งเดิมเท่านั้น
จะหาสวิทช์แบบนี้ในเครื่องป้องกันไฟดูด-ไฟรั่ว แบบเบรกเกอร์RCBO หรือ ELB/ELCB คงไม่มี
อันที่จริงสวิทช์นี้ก็ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรมากมาย ในเครื่องตัดไฟรุ่นปัจจุบัน สวิทช์ที่ใช้ปรับค่าความไว จะใช้เป็น Selector Switch ที่ให้ปรับเลือกลงตำแหน่งที่กำหนดไว้เป็นจุดๆ แต่ละจุดก็จะไปต่อกับวงจรที่กำหนดค่าความไวเอาไว้ต่างจากเครื่องตัดไฟสมัยก่อน ที่จะใช้สวิชท์แบบที่มีลักษณะคล้ายกับตัวต้านทานปรับค่าได้
คำเตือน...สำหรับเครื่องตัดไฟที่สามารถปรับให้ต่อตรง Direct เมื่อเครื่องตัดไฟทริปแล้วยังหาสาเหตุไม่พบ หากไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องใช้ไฟฟ้า อย่าปรับเลือก Direct เด็ดขาด! ให้หาสาเหตุให้เจอก่อน หรือไม่ก็รีบตามช่างไฟฟ้ามาตรวจสอบ ถ้าไม่จำเป็นสุดๆอย่าใช้โหมด Direct เพราะผู้ใช้อาจจะหลงลืมปรับกลับมายังตำแหน่งป้องกัน ผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่มีการติดตั้งเครื่องตัดไฟมักจะประมาทในการใช้ไฟฟ้า การปรับเลือกเป็น Direct แล้วไม่ปรับกลับคืนสู่โหมดป้องกัน หากเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นโดนไฟดูด แต่เมื่อเครื่องยังเป็น Direct อยู่ ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เรียกได้ว่า..."ตายแล้วก็ยังไม่ตัด"
แต่เครื่องตัดไฟแบบดั้งเดิม
รุ่นที่ผลิตออกมาในภายหลัง ผู้ผลิตได้เอาโหมดการทำงานแบบต่อตรง Direct ออกไปแล้ว ทำให้เครื่องตัดไฟมีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น
กรณีใดบ้างที่เครื่องตัดไฟสามารถป้องกันได้ และป้องกันไม่ได้
กรณีที่เครื่องป้องกันได้(ทริป)
1. การทริปหรือตัดวงจร
ในกรณีที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าดูดหรือกระแสไฟฟ้ารั่วลงดินโดยการผ่านร่างกายคนหรือผ่านตัวโครงอุปกรณ์
ในปริมาณที่เครื่องสามารถตรวจจับได้ซึ่งอิงจากค่าความไว หรือค่า Sensitive ซึ่งในเครื่องบางรุ่นที่สามารถปรับความไวของกระแสได้ให้ตังค่าความไวที่ค่าเริ่มต้นที่น้อยที่สุด
หากการใช้งานไปเรื่อยๆมีการทริปเองบ่อยครั้งควรปรับเพิ่มขึ้นมาที่ละขั้น
หากปรับมาจนถึงค่าสูงสุด(25 หรือ 30mA.)ใช้งานไปเรื่อยๆยังมีการทริปควรเรียกช่างมาตรวจตัวเครื่องและตรวจสอบระบบไฟฟ้าของท่าน
2.
การทริปหรือตัดวงจรในกรณีใช้กระแสไฟฟ้าเกินกว่าขนาดพิกัดของเครื่อง
หรือการใช้งานจนเกิด Over
Load กรณีนี้เป็นคุณสมบัติการป้องกันที่มีเฉพาะในเบรกเกอร์ชนิด RCBO
เท่านั้น ส่วนเบรกเกอร์ ELB / ELCB จะไม่สามารถปลดวงจรเมื่อมีการใช้งานแบบ
Over Load ได้ ซึ่งหากใช้งานจนเกิด Over Load เป็นระยะเวลานานๆ อาจทำให้ตัว ELB / ELCB ได้รับความเสียหายได้
3. การทริปหรือตัดวงจร
ในกรณีที่เกิดไฟฟ้าลัดวงจร Short Circuit การลัดวงจรในที่นี้
ถ้าเป็นกรณีที่อาจพบได้ในบ้านพักอาศัยทั่วไป
คือการที่ตัวนำไฟฟ้าที่มีศักย์ทางไฟฟ้า 220 (สาย Line) มาเจอกับตัวนำไฟฟ้าที่มีศักย์เป็นศูนย์
(สาย Neutral) โดยไม่ผ่านความต้านทานหรือโหลดทางไฟฟ้าใดๆทั้งสิ้น
เมื่อทั้งสองมาเจอกันโดยตรงก็จะเกิดสภาวะลัดวงจร
หากไม่มีการปลดวงจรออกเมื่อมีการลัดวงจรเกิดขึ้น
จะเกิดความร้อนสูงจนเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ได้ การลัดวงจรในระบบไฟฟ้าเฟสเดียว
นอกจากจะเกิดได้ระหว่าง Line - Neutral แล้ว
ยังสามารถเกิดขึ้นได้ระหว่าง Line - Ground หรือสายดิน
ได้อีกด้วย แต่ความรุนแรงจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความต้านทานของระบบสายดิน
ส่วนการลัดวงจรในระบบ 3 เฟส เกิดขึ้นได้ทั้งระหว่าง Line - Ground หรือ Line - Neutral รวมทั้ง Line - Line ที่ต่างเฟสกัน ความรุนแรงก็จะมากขึ้นตามลำดับ
กรณีที่เครื่องป้องกันไม่ได้(ไม่ทริป)
1.
กรณีที่คนหรือสัตว์เลี้ยงไปสัมผัสกับสายไฟเส้น Line และ Neutral
โดยตรง ซึ่งกรณีนี้จะเป็นอันตรายถึงชีวิต กว่า 98%
ของเครื่องตัดไฟที่ใช้กันทั่วไปจะไม่ทำงาน เนื่องจากตัวเครื่องตรวจจับไม่ได้
เพราะว่าร่างกายของเราและสัตว์เลี้ยงมีความต้านทานอยู่ การไปสัมผัสกับสายไฟเส้น L
และ N โดยตรง
เปรียบเสมือนเป็นการครบวงจรตามปกติ
ร่างกายของเราจะกลายสถานะเป็นโหลดเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้า กระแสไฟจะไหลผ่านร่างกาย
อาจทำให้เสียชีวิตได้
2.
กรณีที่ประมาทหรือเผลอลืม...เปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทิ้งไว้ กรณีนี้เมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว
หากมองย้อนกลับไป ยังพบว่ามีหลายๆคนที่มีความเชื่อที่ผิด
ไว้วางใจเชื่อมันในเครื่องตัดไฟมากไป จนทำให้ประมาทในการใช้ไฟฟ้า
กรณีที่ตั้งใจก็เช่นเปิดพัดลมให้สัตว์เลี้ยงทิ้งไว้ในขณะที่ไม่มีคนอยู่
ส่วนกรณีที่ไม่ตั้งใจก็อย่างการเผลอลืมเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้นานๆขณะที่ไม่มีคนอยู่
จนเครื่องใช้ไฟฟ้าอันนั้นเกิดร้อนและติดไฟขึ้นมา
กรณีนี้เครื่องตัดไฟจะยังไม่ทริปเพื่อตัดไฟแบบทันทีทันใด
จะต้องรอให้ไฟไหม้จนส่วนที่เป็นฉนวนเสียหาย
แล้วเกิดการลัดวงจรก่อนเครื่องตัดไฟจึงจะทริปเพื่อตัดไฟ แต่เมื่อถึงตอนนั้นแล้วไฟอาจลุกลามไปแล้วก็ได้
3.
ใช้เครื่องตัดไฟที่มีขนาดไม่สัมพันธ์กับขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า
การนำเครื่องตัดไฟที่มีพิกัดกระแสใหญ่เกินกว่าขนาดมิเตอร์มาใช้เป็นเมนสวิทช์ของระบบไฟฟ้าในบ้าน
เมื่อเกิดกรณีใช้กระแสไฟฟ้าเกิน Over Load เกินกว่าค่าสูงสุดที่มิเตอร์จะรองรับได้
เครื่องตัดไฟจะไม่ทริปจนกว่ากระแสที่ไหลผ่านจะเกินพิกัดของเครื่องตัดไฟ
แต่ขณะนั้นมิเตอร์อาจรับไม่ไหวแล้ว
สิ่งที่จะตามมาคือความเสียหายที่จะเกิดกับสายเมนและมิเตอร์วัดหน่วยไฟฟ้า
หมายเหตุ
ที่ถูกต้องไม่ควรนำเครื่องตัดไฟมาใช้เป็นเมนสวิทช์ของระบบไฟฟ้า
ควรต่อเครื่องตัดไฟถัดจากเมนเซอร์กิตเบรคเกอร์ หรือสะพานไฟ
4. ปรับตั้งตัวตรวจจับกระแสไปที่ตำแหน่ง Direct ซึ่งเป็นการต่อใช้ไฟฟ้าโดยตรงไม่ผ่านวงจรตรวจจับกระแสไฟรั่ว เปรียบเหมือนการจ่ายไฟออกจากเซอร์กิตเบรกเกอร์แบบธรรมดา หากไม่จำเป็นหรือฉุกเฉินจริงๆ อย่าใช้งานในโหมด Direct แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้จริงๆ ก็ต้องระมัดระวังในการใช้ไฟฟ้าให้มากๆ อย่าประมาท เพราะอย่าลืมว่าถ้าไฟรัว แล้วโดนไฟดูด เครื่องไม่จะตัด
5.
ต่อสายไฟเข้าเครื่องตัดไฟผิดเส้น สินค้าในกลุ่มของอุปกรณ์ป้องกันไฟดูด-ไฟรั่ว
ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีปัญหาและข้อบกพร่องที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีการต่อสายสลับด้านไฟเข้า
ระหว่าง L
- N ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาในปัจจุบันบางตัวก็ไม่มีการกำหนดขั้วเอาไว้
ทำให้หลายคนอาจจะสับสนไปบ้าง
ซึ่งอันที่จริงแล้วหากผู้ผลิตไม่ระบุมาก็หมายถึงต่อเข้าด้านไหนขั้วไหนก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
แต่...ในอดีตเครื่องตัดไฟบางรุ่นที่ภายในมีระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาเกี่ยวข้อง
อาจจะไม่ทำงานหรือทำงานผิดพลาด หากใส่สายไฟเข้าผิดเส้น
6.
การติดตั้งเครื่องตัดไฟก่อนเข้าเมนสวิทช์ของบ้านที่มีระบบสายดิน กรณีนี้หากเกิดไฟรั่วแล้วเครื่องอาจจะไม่ตัดกระแส
เพราะปริมาณไปที่เข้าและออกจากเครื่องเป็นปกติ การติดตั้งต้องติดตั้งเครื่องตัดไฟ
ถัดจากเมนสวิชต์หรืออุปกรณ์ปลดวงจรหลักของบ้านที่มีระบบสายดิน เท่านั้น
การติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่วจะอยู่ก่อนเมนเซอร์กิตเบรคเกอร์
เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง