แนวคิดนวัตกรรมอาคารประหยัดพลังงาน 4.0

แนวคิด นวัตกรรมอาคารประหยัดพลังงาน  4.0

ปัจจุบันนี้ภาวะโลกร้อนคงไม่ใช่เรื่องไกลตัวของพวกเราอีกต่อไป  ท่านจะสังเกตได้จากภัยธรรมชาติที่เกิดรุนแรงและถี่ขึ้นในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา  หากรุ่นพวกเราปรารถนาจะส่งมอบ “ โลกแบบที่สวยงาม”   ให้แก่รุ่นลูก ๆ หลาน ๆ ต่อๆ ไป  ถึงเวลาแล้วละครับที่  รัฐบาล  ท่านเจ้าของอาคาร  ผู้ออกแบบ  สถาปนิก วิศวกร และผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย ต้อง  “สวมหัวใจสีเขียว” และสร้าง “GREEN MINDSET”  อย่างจริงจังพร้อมทั้งช่วยกันรณรงค์ปลุกจิตสำนึกในเรื่องนี้และลงมือปฏิบัติ  สร้างผลงานให้เป็นรูปธรรมกัน

การสร้างอาคารใหม่หรือปรับปรุงอาคารเดิมให้เป็นอาคารประหยัดพลังงานก็ถือได้ว่าเป็นการ “รับผิดชอบต่อสังคม

 

ช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อน”  คนละไม้คนละมือกันครับ

ถามว่าผมมีแนวคิดอย่างไรกับการสร้างอาคารประหยัดพลังงาน 4.0

ผมขอแสดงความเห็นว่าเราไม่ควรยึดติดการออกแบบหรือ

วิธีก่อสร้างแบบเดิมๆ ทั้งงานโครงสร้าง  สถาปัตย์   และงานระบบ

เลือกใช้วัสดุหรือเทคโนโลยีที่ทันสมัย  หัวใจของอาคารที่จะประหยัดพลังงานได้ดีผมให้ความสำคัญหลัก 2 อย่างคือ

1. เปลือกอาคาร (ผนังและหลังคา)    

2. ระบบปรับอากาศ  (60% - 65% ของบิลค่าไฟฟ้า)

ขอแบ่งปันประสบการณ์จริงและกรณีศึกษาที่น่าสนใจกรณีศึกษาเทคโนโลยี ISOWALL+SMACจริงหรือ?ที่โรงงานผลิตใบเรือยอร์ชRolly Tasker Sails  (Thailand) เป็นอาคารประหยัดพลังงานมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

โรงงานผลิตใบเรือยอร์ชที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต   เสร็จสมบูรณ์เมื่อปลายปี 2005 มีพื้นที่ประมาณ 6,500 ตารางเมตรความสูงเฉลี่ย 7.5 เมตรที่ต้องปรับภาวะอากาศที่ระดับ 25 ±  1 องศาความชื้นสัมผัส 50 ± 5% RH เริ่มแรกโรงงานนี้ถูกออกแบบให้ใช้วัสดุก่อสร้างทั่วไปซึ่งต้องใช้ระบบปรับอากาศขนาด 360 TR (1265 kw ความเย็น) ผมจึงได้แนะนำให้ใช้ผนังและหลังคาISOWALL ซึ่งสามารถลดขนาดเครื่องปรับอากาศได้ถึง 25 % จึงเหลือเพียงขนาด 270 T R (- 940 KW ความเย็น) และเมื่อนำเทคโนโลยีของสิทธิบัตรSMAC  มาใช้ในการออกแบบและจัดการระบบปรับอากาศทำให้ลดขนาดของระบบปรับอากาศเหลือเพียง 144 TR (506 KW) นั่นหมายถึงเทคโนโลยี  ISOWALL+SMAC  สามารถลดขนาดของระบบปรับอากาศได้ถึง 60% โดย CHILLER ทำงานเฉลี่ยทั้งปีเพียง 90 TR หรือค่าพลังงานที่เทียบเท่ากับ 70 ตารางเมตร/ตัน และจากการเก็บข้อมูลการจ่ายค่าไฟฟ้าจริงเจ้าของอาคารนี้จ่ายค่าไฟเฉลี่ยต่อเดือนเพียง 110,000 บาทเมื่อเทียบกับแบบเดิมเจ้าของต้องจ่ายค่าไฟฟ้ากว่า300,000บาทต่อเดือน

 

ในภาวะที่ค่าแรงสูงขึ้นมาก ระบบการก่อสร้างด้วยผนังสำเร็จรูป ISOWALL และหลังคา ISOWALL น่าจะเป็นคำตอบที่ดีเพราะประหยัดโครงสร้างด้วย น้ำหนักที่เบากว่า แต่มีความแข็งแรงในตัว  เป็นฉนวนกันความร้อนเข้าและกันความเย็นไหลออกจากอาคารอย่างดีเยี่ยม  และที่สำคัญ “เราจะได้กำไรเวลาเพราะสร้างเสร็จอย่างรวดเร็ว”

ส่วนระบบปรับอากาศนอกจาก SMAC แล้ว ขอแนะนำ SMARDT OIL FREE MAGNETIC BEARING CHILLER นวัตกรรมชั้นเยี่ยม แกนมอเตอร์ลอยอยู่กลางสนามแม่เหล็กจึงไม่มีแรงเสียดทาน&ไม่ต้องใช้น้ำมัน ทำให้ประสิทธิภาพสูงกว่าCHILLER แบบเดิมๆถึง39.37% นอกจากประหยัดค่าไฟมากแล้วที่สำคัญค่าดูแลรักษาต่ำกว่ามากด้วยครับ

ชาติชาย โฆษะวิสุทธิ์

ประธานกรรมการบริหาร

โฆษะกรุ๊ปและโรงแรมโฆษะ

“Save Energy...Safe The World”